Micro-LED จอแสดงผลแห่งอนาคต

เมื่อสองปีที่ผ่านมา Samsung ได้เรียกเสียงฮือฮาด้วยการโชว์ทีวีที่มีขนาดเท่าฝาผนังในงาน CES มันเป็นทีวีที่ออกแบบมาด้วยเป็นเทคโนโลยีใหม่ พวกเขาเรียกมันว่า ‘Micro-LED’

สำหรับตัวทีวีจอยักษ์ขนาดใหญ่ถึง 219 นิ้ว Samsung ให้ชื่อมันว่า ‘The Wall’

นอกจากความใหญ่แล้ว Micro-LED คืออะไร ? และแตกต่างจากเทคโนโลยีในทีวีอื่น ๆ อย่างไร ?

Micro-LED เป็นเทคโนโลยีจอแสดงผลใหม่ล่าสุดในรอบ 10 ปีหลังจากที่โซนี่ได้ให้กำเนิดเทคโนโลยี OLED ในปี 2008 แม้ว่า Samsung จะเป็นแบรนด์แรกที่นำ Micro-LED มาทำตลาด แต่ไม่ใช่แบรนด์เดียวที่นำเอาเทคโนโลยี Micro-LED มาพัฒนาสินค้า เพราะว่า LG และ TCL ก็ให้ความสนใจในเทคโนโลยีนี้ด้วยเช่นกัน

จุดเด่นของ Micro-LED นอกเหนือจากจะให้สีดำที่ดำสนิทเหมือนกับ OLED แล้ว ยังไม่มีปัญหาเรื่องการเบิร์นอิน ให้ความสว่างได้มากกว่าเทคโนโลยีทีวีทุกประเภทในเวลานี้ ถ่ายทอดสีสันด้วยค่า gamut ที่กว้าง และไม่มีปัญหาในเรื่องมุมมองภาพ

ปัจจุบันปัญหาของ Micro-LED ไม่ใช่เรื่องคุณภาพของภาพ แต่เป็นเรื่องการผลิตซึ่งซับซ้อนกว่าการผลิต OLED มาก ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่า Micro-LED นั้นมีต้นทุนการผลิตสูงที่สุดเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีทีวีอื่น ๆ ในเวลานี้

จอที่มี LED จิ๋วหลายล้านตัว
จอแสดงผลแบบ Micro-LED นั้นถูกสร้างขึ้นจากหลอดไฟ LED ขนาดจิ๋วหลายล้านตัวที่นำมาวางเรียงต่อ ๆ กัน เมื่อตัว LED ถูกลดขนาดลงให้เล็กมากพลังงานแสงสว่างที่ให้ได้ก็ลดลงตามไปด้วย ทำให้การออกแบบตัว LED นั้นต้องให้แสงสว่างและมีประสิทธิภาพสูงกว่า LED ทั่วไป แผงหน้าจอก็จำเป็นต้องออกแบบให้สามารถระบายความร้อนได้ดีด้วย

การลดขนาดช่องว่างระหว่างพิกเซลหรือ “ขนาดพิทช์” เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่อีกอย่างหนึ่ง วงจรและองค์ประกอบที่จำเป็นอื่น ๆ สามารถทำให้มีขนาดเล็กได้ แต่ถ้าหากขนาดพิทช์ไม่สามารถลดลงได้ Micro-LED TV ก็จะมีข้อจำกัดว่าจะทำให้ขนาดหน้าจอนั้นมีขนาดเล็กได้แค่ไหน หมายความว่าเทคโนโลยีนี้ดูเหมือนจะทำให้หน้าจอทีวีขนาดใหญ่ ผลิตง่ายกว่าหน้าจอขนาดเล็ก

จอใหญ่ ภาพก็ใหญ่สมจริงมากขึ้น
ด้วยเหตุผลข้างต้น จึงไม่น่าแปลกใจว่าเทคโนโลยี Micro-LED จึงได้ถูกนำเสนอออกมาในรูปแบบของจอแสดงผลหรือจอทีวีขนาดใหญ่ ปัจจุบันทีวี The Wall ขนาด 146 นิ้วของ Samsung มีขนาดพิทช์ระหว่างแต่ละพิกเซลอยู่ที่ระยะห่างต่ำกว่า 1 มิลลิเมตร

อย่างไรก็ดีล่าสุดมีข่าวว่า Samsung สามารถสร้าง Micro-LED TV ในขนาด 75 นิ้วได้แล้ว โดยที่มีขนาดพิทช์ระหว่างแต่ละพิกเซลอยู่ที่ระยะห่างต่ำกว่า 0.15 มิลลิเมตร

สำหรับผู้ที่ไม่มีปัญหากับขนาดหน้าจอ ปัจจุบัน Samsung ได้พัฒนา The Wall ให้เป็น ‘The Wall Luxury’ ออกมาเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการจอแสดงผลขนาดใหญ่มากที่มาพร้อมกับคุณภาพในระดับพรีเมียม

ซึ่งเทคโนโลยี Micro-LED นั้นตอบโจทย์ความพรีเมียมได้แทบทุกคุณสมบัติ ไม่ว่าการให้ภาพที่สว่างกว่า OLED หรือการถ่ายทอดสีดำได้ดำสนิทอย่างแท้จริงด้วยคุณสมบัติของพิกเซลที่สามารถปิดการทำงานได้ทั้งหมด นั่นหมายความว่าภาพที่ได้จะมีพลังของแสงและสีสันมากขึ้น สามารถถ่ายทอดความจริงจากเทคโนโลยี HDR ได้สมจริงยิ่งขึ้น

ด้วยออกแบบที่เป็นแบบโมดูลของ MicroLED ทำให้การปรับเปลี่ยนขนาดของหน้าจอทำได้ง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน เช่นในกรณีที่ทีวีขนาด 50 นิ้ว ประกอบขึ้นจาก 10 โมดูล แต่ละโมดูลมีความละเอียด 830,000 พิกเซล เมื่อเพิ่มโมดูลเหล่านั้นมากขึ้น บริษัทจะสามารถขายทีวี 8K ในขนาด 100 นิ้วได้โดยไม่มีความแตกต่างในค่าใช้จ่ายสำหรับการผลิต ต้นทุนการผลิตก็ไม่เปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นผลดีกับทางบริษัทผู้ผลิต

เมื่อเทียบกับทีวี LCD และ OLED ซึ่งมีมีพิกเซลขนาดแตกต่างกันตามขนาดของหน้าจอ เช่น ทีวี LCD 4K 75 นิ้ว นั้นมีพิกเซลที่ขนาดใหญ่กว่า แต่มีจำนวนพิกเซลเท่ากับทีวี LCD 4K ขนาด 50 นิ้ว สำหรับ MicroLED ถ้าต้องการทีวีขนาดใหญ่ขึ้นก็เพียงแค่เพิ่มจำนวนพิกเซล ที่มีขนาดพิกเซลเท่าเดิม และได้ความละเอียดของภาพเพิ่มขึ้นด้วย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *