ถอดรหัส ADH วงจรขยายเสียงสุดไฮเทค ได้ทั้งคุณภาพและพลังเสียงครบจบในตัว!

หากว่าคุณเป็นคนที่สนใจเครื่องเสียงไฮไฟ เชื่อแน่ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตคุณต้องอยากครอบครองหรืออย่างน้อยก็อยากฟังแอมป์คลาสเอแท้ ๆ สักครั้ง เพราะคุณทราบดีว่านี่คือ สุดยอดของวงจรขยายสัญญาณเสียง ที่มีความผิดเพี้ยนต่ำที่สุด ให้น้ำเสียงได้ละเมียดละไมและเป็นธรรมชาติมากที่สุด

ทว่าในโลกความเป็นจริงแอมป์คลาสเอแท้ ๆ นั้นนอกจากมีราคาค่อนข้างสูงถึงสูงมากชนิดแปรผันตามตัวเลขกำลังขับเสียด้วย แถมยังมีข้อจำกัดอยู่มากมาย โดยเฉพาะเรื่องของประสิทธิภาพกำลังขับ เนื่องจากแอมป์คลาสเอนั้นวงจรจะมีการสูญเสียของพลังงานไฟฟ้ามากกว่าครึ่ง นั่นหมายความว่ากำลังขับที่ได้มักจะน้อยกว่าพลังงานไฟฟ้าที่ต้องสูญเสียไป

นั่นหมายความว่ายิ่งออกแบบให้แอมป์คลาสเอมีกำลังขับมากเท่าไร ก็ต้องออกแบบเผื่อพลังงานที่ต้องสูญเสียไปมากขึ้นตามกันไปด้วย (การสูญเสียของพลังงานจะเกิดเป็นความร้อน) ดังนั้นแอมป์คลาสเอจึงเป็นแอมป์ที่ลงทุนได้มากแต่ได้ผลผลิตต่ำ หากว่าไม่นับเรื่องของคุณภาพเสียง เทคโนโลยีนี้ก็คงจะหายไปจากสารบบนานแล้ว

 

Analog Digital Hybrid เพิ่มพลังให้แอมป์คลาสเอ

ในปี 2004 ได้มีเทคโนโลยีภาคขยายเสียงแบบใหม่ถูกจุดประกายขึ้นมาบนโลกนี้ ในชื่อเรียกว่า Analog Digital Hybrid (ADH) เป็นการหลอมรวมจุดเด่นของเทคโนโลยีภาคขยายเสียง 2 เทคโนโลยีที่มีความแตกต่างกันอย่างสุดขั้วรวมเข้าไว้ด้วยกัน เป็นการผสานเทคโนโลยีวงจรภาคขยายเสียงที่มีแนวคิดแบบอะนาล็อกและแบบดิจิทัลให้สามารถทำงานร่วมกันได้ เพื่อนำเอาจุดเด่นของทั้ง 2 เทคโนโลยีมารวมกัน

นำจุดเด่นในด้านความเป็นเชิงเส้นของวงจรขยายเสียงแบบคลาสเอ มารวมกับจุดเด่นในด้านของประสิทธิภาพกำลังขับและความกะทัดรัดของวงจรขยายเสียงแบบคลาสดี

อย่างไรก็ดีแม้ว่าแนวคิดนั้นจะเป็นอะไรที่ดูง่าย แต่ในความเป็นจริงแล้วการรวมเทคโนโลยีที่มีความแตกต่างกันอย่างมากเช่นนั้นไม่ได้เป็นเรื่องง่ายเลย แต่ผู้ผลิตเครื่องเสียงไฮเอนด์ชื่อดังจากประเทศฝรั่งเศสอย่าง Devialet ใช้เวลาในการค้นคว้าวิจัยต่อจากนั้นอีกเป็นเวลา 4 ปีจนกระทั่งได้แอมป์เทคโนโลยี ADH รุ่นต้นแบบ ซึ่งถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้

– มีการใช้วงจรภาคขยายสัญญาณเสียงแบบคลาสเอแท้ ๆ เชื่อมต่อโดยตรงกับเอาต์พุตสำหรับเชื่อมต่อกับลำโพงเพื่อทำหน้าที่ใช้ขับในส่วนของแรงดันไฟฟ้า และเป็นส่วนที่ใช้ในการกำหนดคุณภาพและบุคลิกเสียงของวงจรขยายเสียงแบบ ADH ทั้งหมด เช่นเดียวกับที่เราได้ยินจากวงจรภาคขยายเสียงแบบอะนาล็อกดั้งเดิม

– ส่วนของวงจรขยายเสียงแบบดิจิทัลถูกผนวกเข้าไปในลักษณะของการช่วยสนับสนุนด้านกำลังสำรอง โดยการทำหน้าที่เป็นแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับตัวลำโพง (กำลังขับหรือกำลังไฟฟ้า เกิดขึ้นจากแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า) เป็นการลดภาระในการจ่ายกระแสไฟฟ้าของวงจรขยายแบบอะนาล็อกคลาสเอได้โดยตรง

เพื่อเป็นการขยายความของเทคโนโลยีให้เห็นเป็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น ให้นึกถึงระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ของรถยนต์ ตัวผู้ขับขี่ซึ่งสามารถควบคุมพวงมาลัยได้อย่างแม่นยำ แต่ไม่ต้องออกแรงเองเยอะเพราะมีกำลังส่วนหนึ่งจากเครื่องยนต์หรือมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยในการหมุนพวงมาลัย

ภาคขยายเสียงแบบ ADH จึงมาพร้อมกับคุณสมบัติของแอมป์ในฝันที่หลายคนมองหา นั่นคือ

– คุณภาพเสียงที่ดีที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพกำลังขับ โดยส่วนของแอมป์คลาสเอนั้นทำหน้าที่ในอัตราส่วนเพียงแค่ 1:100 ซึ่งนั่นยิ่งทำให้แอมป์รับภาระน้อยลงและมีการตอบสนองที่เป็นเชิงเส้นมากยิ่งขึ้น ให้ลองจินตนาการถึงในเวลาที่ขับโหลดลำโพงอิมพิแดนซ์ 8 โอห์ม ส่วนของวงจรขยายเสียงคลาสเอใน ADH จะมองเห็นโหลดเสมือนกับเป็นหูฟังที่มีอิมพิแดนซ์ 800 โอห์ม ซึ่งขับง่ายกว่าลำโพงทั่วไปอย่างแน่นอน

– อิมพิแดนซ์ขาออกของวงจรขยายเสียงแบบ ADH นั้นมีค่าเทียบเท่ากับอิมพิแดนซ์ขาออกของแอมป์คลาสเอตามปกติ หารด้วยอัตราส่วนการทำงานค่าเดียวกันคือ 1:100 นั่นเท่ากับตัวเลขราว ๆ 1 มิลลิโอห์ม ซึ่งครอบคลุมตลอดย่านความถี่เสียง คุณสมบัติเช่นนั้นมีความสำคัญอย่างมากในเวลาใช้งานจริง โดยเฉพาะกับอุปกรณ์ในระบบเสียงอย่างลำโพงซึ่งมีค่าความคลาดเคลื่อนและความผันแปรค่อนข้างมาก

ปัจจุบันเทคโนโลยีภาคขยายเสียงเทคโนโลยี ADH ถูกใช้งานร่วมกับวงจรถอดรหัสสัญญาณเสียงดิจิทัลและระบบซอฟต์แวร์ที่ออกแบบขึ้นมาเป็นพิเศษของ Devialet และมีใช้งานอยู่ในสินค้าของ Devialet เกือบทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นแอมปลิฟายเออร์ตระกูล Expert Pro หรือลำโพงไร้สายในตระกูล Phantom

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *