Master&Dynamic MH40

หูฟังในตลาดเครื่องเสียงมีมากซะจนนับไม่หวาดไม่ไหว แม้แต่จะแบ่งแยกประเภทยังทำได้ลำบาก เพราะหูฟังยังอยู่ในช่วงที่พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ซึ่งนับถึงวันนี้ ต้องบอกว่าพัฒนาการของหูฟังได้ผันผ่านมาถึง 3 เจนเนอเรชั่นแล้ว นั่นคือ

Gen# 1. หูฟังสไตล์มอนิเตอร์ สตูดิโอ
Gen# 2. หูฟังที่ออกแบบมาสำหรับอุปกรณ์เล่นไฟล์เพลงแบบพกพา
Gen# 3. หูฟังสไตล์แฟชั่น

หูฟังเจนเนอเรชั่นแรกถูกพัฒนาออกมาเพื่อตอบสนองให้กับการใช้งานในสตูดิโอที่ทำงานเกี่ยวกับเสียงเป็นหลัก จุดสำคัญของการปรับจูนจึงอยู่ที่ความสามารถในการถ่ายทอดเสียงที่เหมือนต้นฉบับให้มากที่สุดโดยไม่มีการรอมชอม เมื่อการเล่นเครื่องเสียงแบบพกพาได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน การพัฒนาหูฟังสำหรับการฟังเพลงกับอุปกรณ์เล่นเพลงแบบพกพาก็เริ่มเกิดขึ้น ซึ่งความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดสำหรับหูฟังทั้งสองเจนเนอเรชั่นนี้อยู่ที่ “ลักษณะเสียง”

หูฟังที่ออกแบบมาให้ใช้งานกับอุปกรณ์เล่นไฟล์เพลงแบบพกพาจะถูกปรับจูนให้มีคุณสมบัติเด่นๆ 2 ประการ นั่นคือ 1) ขับง่าย – เพื่อให้แม็ทชิ่งกับกำลังขับของอุปกรณ์เล่นไฟล์เพลงแบบพกพาที่มีความจำกัด 2) ให้โทนเสียงที่นุ่มนวล ฟังสบาย – มีความอะลุ้มอะหล่วยกับคุณภาพของไฟล์เพลงมากกว่าที่จะฟ้องความไม่สมบูรณ์ของตัวไฟล์เพลงออกมา นั่นทำให้ “รายละเอียด” หรือ resolution ที่ได้จากหูฟังเจนเนอเรชั่นที่สองนี้จึงเป็นรองหูฟังแบบมอนิเตอร์ สตูดิโอในเจนเนอเรชั่นแรกที่ให้รายละเอียดของเสียงออกมาได้ครบถ้วนมากกว่า แต่ก็ต้องการแอมปลิฟายที่มีสมรรถนะสูงมากเป็นพิเศษ

พอล่วงมาถึงเจนเนอเรชั่นที่สาม หูฟังแบบพกพาได้รับความนิยมสูงขึ้นมาก กลายเป็นแฟชั่นประจำกายของนักฟังเพลงยุคปัจจุบันไปแล้ว นั่นทำให้เกิดการแข่งขันในส่วนของการออกแบบ “รูปร่างหน้าตา” กันมากขึ้น..

Master&Dynamic MH40
หูฟัง Over-Ear

นี่เป็นหูฟังแบบ Over-Ear ตัวหนึ่งที่ออกแบบได้สวยสดงดงามมากเป็นพิเศษ วัสดุที่ใช้ในแต่ละส่วนก็เลือกใช้แต่ของดีทั้งนั้น โครงสร้างหลักๆ ที่ต้องการความแข็งแรงทนทานก็ทำมาจากโลหะ อาทิ โครงของ headband หรือที่คาดศีรษะและตัวบอดี้ที่ติดตั้งไดเวอร์ทำด้วยอะลูมิเนียมแท้ๆ ส่วนข้อยึดที่เชื่อมโยงตัวบอดี้ของหูฟังเข้ากับที่คาดศีรษะทำด้วยสแตนเลส เพราะเป็นชิ้นส่วนที่ต้องการความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ

ในขณะเดียวกัน ชิ้นส่วนที่สัมผัสกับใบหูของผู้ใช้โดยตรงอย่างเช่น Ear pads กับด้านใต้แผ่นคาดศีรษะที่ต้องสัมผัสกับศีรษะของผู้ใช้โดยตรงก็ถูกหุ้มด้วยหนังแกะที่มีความนุ่มนวลมากเป็นพิเศษ แถมยังมีความทนทานสูงกว่าหนังเทียมที่หูฟังบางตัวใช้ซะอีก เนื่องจากเป็นหนังแท้จึงไม่มีอาการหลุดลอกเมื่อใช้ไปนานๆ วัสดุที่ใช้ยืดหยุ่นอยู่ภายในตัว Ear pads ทำจากเมมโมรี่โฟมที่มีความนุ่มนวลมากเป็นพิเศษและสามารถปรับตัวเข้ากับสรีระรอบๆ ใบหูของคนสวมแต่ละคนได้อย่างแนบเนียน ช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกเล็ดลอดเข้ามารบกวนเสียงเพลงที่กำลังฟังอย่างได้ผล

นอกจากรูปลักษณ์ที่สวยเท่ห์เตะตาแล้ว หูฟังรุ่น MH40 ตัวนี้ยังถูกออกแบบให้มีคุณสมบัติทางด้านสมรรถนะของเสียงที่เข้าขั้นระดับไฮเอ็นด์อีกด้วย อาทิ ใช้ตัวขับเสียงขนาด 45mm ที่ขับดันด้วยแม่เหล็กนีโอไดเมี่ยมประสิทธิภาพสูงแบบเดียวกับที่ใช้ในลำโพงบ้านระดับไฮเอ็นด์

มีสายหูฟังมาให้ 2 เส้น แบบมีไมโคโฟนกับรีโมทสำหรับรับสายโทรเข้าหนึ่งเส้นสำหรับคนที่อยากได้ความสะดวกในเส้นเดียวในกรณีที่ใช้หูฟังตัวนี้กับ iPhone (ตั้งแต่เวอร์ชั่น 3GS ขึ้นไป) ที่ต้องคอยรับสายโทรศัพท์บ่อยๆ กับอีกเส้นให้มาเป็นสายสัญญาณเพียวๆ ไมมีฟังท์ชั่นรับสายโทรเข้า เส้นนี้สำหรับตอนที่ต้องการฟังเพลงแบบเน้นคุณภาพเสียงเนื้อๆ โดยไม่ถูกทำให้ดร็อปลงไปเพราะมีอุปกรณ์ที่ใช้รับสายโทรศัพท์มาคั่น

ตัวบอดี้ของไดเวอร์ทำด้วยอะลูมิเนียมที่มีความแข็งแรงมากเป็นพิเศษ ช่วยลดอาการเรโซแนนซ์ลงได้มาก ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ได้คุณภาพเสียงที่มีความสะอาดและบริสุทธิ์

แม็ทชิ่ง + เสียงของ MH40

ผู้ออกแบบทำการปรับจูนอิมพีแดนซ์ (หรือความต้านทานเฉลี่ย) ของตัวไดเวอร์ที่ใช้ในหูฟังตัวนี้ไว้ที่ระดับต่ำมากคือ 32 โอห์ม ส่งผลให้ขับง่ายมาก ไม่กินกำลังของแอมป์ แค่แอมป์ในตัวสมาร์ทโฟนทั่วไปก็สามารถขับเสียงของ MH40 ให้ออกมาน่าฟังได้แล้ว และเสียงที่ได้จะยิ่งมีคุณภาพสูงขึ้นไปอีกเมื่อใช้แอมป์ขับหูฟังที่มีคุณภาพสูงและมีกำลังขับมากขึ้นมาจับคู่กับมัน

ในการทดสอบครั้งนี้ นอกจากจะใช้สมาร์ทโฟนทดลองขับหูฟังตัวนี้แล้ว ผมยังได้มีโอกาสใช้เครื่องเล่นไฟล์เพลงยี่ห้อ Astell&Kern รุ่น AK Jr ทดลองขับหูฟังตัวนี้ด้วย ปรากฏว่า มันไปกันได้ดีมาก สุ้มเสียงออกมาน่าฟัง ความชัดเจนของชิ้นดนตรีอยู่ในเกณฑ์เหนือมาตรฐาน เมื่อลองเทียบกับเสียงของหูฟังตัวอื่นที่มีราคาขายใหล้เคียงกันอย่าง K702/65th ของ AKG กับของ Sennheiser รุ่น HD650 ที่ผมมีอยู่ ความแตกต่างที่ผมพบก็คือ MH40 ขับง่ายกว่าหูฟังสองตัวนั้นพอสมควร พูดอีกอย่างหนึ่งได้ว่า MH40 กินกำลังแอมป์น้อยกว่า K702/65th และ HD650 พอสมควร ในแง่ของบุคลิกเสียงก็ต่างกัน เมื่อลองขับด้วยแอมป์ขับหูฟังของ TEAC รุ่น HA-501 สิ่งที่ผมพบก็คือ แม้ว่าเสียงของ K702/65th กับ HD650 จะมีลักษณะที่แตกต่างกันในรายละเอียดปลีกย่อย แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่หูฟังทั้งสองให้ออกมาไปในทางเดียวกัน นั่นคือ ลักษณะของความเป็น “มอนิเตอร์” ในขณะที่ MH40 จะมีคุณสมบัติข้อนี้น้อยกว่า นั่นคือทั้ง K702/65th และ HD650 จะมี “ความรอมชอม” กับคุณภาพของไฟล์เพลงน้อยกว่า MH40 หมายความว่า ถ้าเจอกับไฟล์เพลงที่บันทึกมาไม่ค่อยดี (หรือเป็นไฟล์ที่ทำมาไม่ค่อยดี อาทิ บีบอัดมาเป็นไฟล์ FLAC ซึ่งให้เรโซลูชั่นต่ำกว่า WAV) เมื่อฟังผ่าน MH40 คุณจะพบจุดตำหนิในน้ำเสียงของไฟล์เหล่านี้ออกมาน้อยกว่า ในขณะเดียวกัน ด้วยบุคลิกที่ติดหวานและฉ่ำของ MH40 จะทำให้ “ทุกเพลง” ที่เล่นผ่านมันไปมีลักษณะของความฉ่ำหวานน่าฟังไปด้วย

แสดงว่าเสียงของ MH40 มีคัลเลอร์.? จะพูดอย่างนั้นก็อาจจะได้ แต่ก็ไม่สามารถสรุปได้ว่าเสียงที่ได้ยินจากหูฟังตัวอื่นอย่างเช่น HD650 หรือ K702/65th ไม่มีคัลเลอร์.. อย่าไรก็ตามที ไม่ว่าจะตัดสินว่าเสียงของ MH40 มีคัลเลอร์หรือไม่ แต่เมื่อได้ลองฟังแล้ว ผมพบว่าเสียงที่ MH40 ให้ออกมามีบุคลิกเฉพาะตัวที่ค่อนข้างชัดเจน นั่นคือความฉ่ำและหวานที่จะผสมไปกับทุกเพลงที่ฟัง ซึ่งผมเชื่อว่าลักษณะเสียงแบบนี้จะต้องถูกจริตคนที่ชอบฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจอย่างแน่นอน เพราะความฉ่ำและหวานที่ MH40 ให้ออกมานั้นไม่ได้ไปทำให้อรรถรสของเพลงลดด้อยลง มิหนำซ้ำ มันยังไปช่วยส่งเสริมให้เพลงที่มีลีลาอ่อนโยนมีความฉ่ำและหวานมากขึ้น มีความไพเราะน่าฟังมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลองฟังด้วยไฟล์ไฮเรซฯ ที่มีรายละเอียดสูงๆ ผมก็ยิ่งหลงรักเสียงของ MH40 มากขึ้นไปอีก

สรุป

หลังจากได้ลองฟังหูฟังตัวนี้แล้ว ผมว่าเสียงของมันได้สะท้อนภาพให้ผมเข้าใจถึงโจทย์ในการออกแบบหูฟัง MH40 ตัวนี้ได้อย่างชัดเจน เดาได้เลยว่า คุณสมบัติที่คนออกแบบหูฟังตัวนี้ตั้งใจที่จะเอาเข้ามาผนวกรวมไว้ด้วยกันก็คือดีไซน์ที่หรูหรา ดูดี + คุณภาพของเสียงที่ดีในระดับที่คนฟังเนื้อหาดนตรีต้องชอบ (มิวสิคเลิฟเวอร์) หรือแม้แต่คนที่ต้องการซึบซาบคุณภาพเสียงระดับไฮเอ็นด์อย่างนักเล่นเครื่องเสียงก็ต้องพอใจ ซึ่งหลังจากได้ลองฟังอยู่นาน ผมก็ต้องยอมรับว่าพวกเขาทำสำเร็จตามที่ตั้งใจเอาไว้จริงๆ

เมื่อพิจารณาโดยรอบแล้ว ผมมีความเห็นว่า หูฟังรุ่น MH40 ของ Master&Dynamic ตัวนี้มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะใช้เป็นตัวอย่างแสดงลักษณะของหูฟัง Gen#3 ได้เป็นอย่างดี และต้องขอชมว่า ทีมออกแบบทำมันออกมาได้สุดๆ จริงๆ ทั้งในแง่ของการปรับจูนเสียงที่ได้โทนน่าฟัง ผสมสัดส่วนออกมาได้กำลังดีระหว่างรายละเอียดสมจริง+ความนุ่มนวลเอาใจหู ไปจนถึงในแง่ของการออกแบบรูปร่างหน้าตาที่ถึงพร้อมทั้งความสวยงามและหรูหรา..

เป็นหูฟังที่ชวนควักกระเป๋าตั้งแต่เห็นรูปร่างของมันเลยล่ะครับ.!!

……………………………………………
นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย : xxx โทรฯ : xxxxx
ราคา : xxxx / ตัว

Master&Dynamic MH40
General Specifications
Driver 45mm Neodymium
Impedance 32 ohms
Headphone Connector Dual 3.5mm standard jack
Ear Coupling Circum-aural
Microphone Type Omni-directional
Weight 360g
Dimension 200mm x 185mm x 50mm

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *